รู้หรือไม่.....การดูแลสุขภาพของน้องแมวให้มีอายุยืนยาวทำได้อย่างไร Total Life Span

8333 จำนวนผู้เข้าชม  | 

รู้หรือไม่.....การดูแลสุขภาพของน้องแมวให้มีอายุยืนยาวทำได้อย่างไร Total Life Span

รู้หรือไม่.....การดูแลสุขภาพของน้องแมวให้มีอายุยืนยาวทำได้อย่างไร Total Life Span

              คุณพ่อคุณแม่ที่มีน้องแมวอยู่ในบ้านทราบหรือไม่ว่าน้องสามารถมีอายุยืนยาวได้ถึง 14-16 ปี หากเรามีการจัดการ และดูแลสุขภาพน้องแมวตั้งแต่เล็กจนถึงวัยชรา ไม่ใช่เพียงแค่การทำวัคซีนประจำปีเท่านั้น แต่ละช่วงอายุมีรายละเอียดที่คุณพ่อคุณแม่ควรทราบ

              แมวเป็นสัตว์กินเนื้อขนาดเล็ก สืบสายเลือดมาจากแมวป่าที่มีขนาดใหญ่ มีหลากหลายสายพันธุ์ตามปกติแมวเป็นสัตว์ที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่ค่อยแสดงความเจ็บปวดให้เห็นได้ง่าย แต่หากคุณพ่อคุณแม่พบว่าแมวกินอาหารได้น้อยลง และมีอาการซึมผิดปกติควรเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดประมาณ 1-2 วัน หากอาการไม่ดีขึ้นควรรีบพามาพบสัตวแพทย์ หรือควรพามาพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพเป็นประจำทุก 6-12 เดือน

              แมวที่มีอายุตั้งแต่ 8 สัปดาห์ขึ้นไป ควรได้รับวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันโรคอันได้แก่ หัด-หวัดแมว จำนวน 3 เข็ม และได้รับการถ่ายพยาธิทุกครั้งที่ได้รับวัคซีน หลังจากนั้นค่อยถ่ายพยาธิทุกๆ 3 เดือนเมื่อครบโปรแกรมวัคซีนแล้ว ส่วนโรคพิษสุนัขบ้าถือเป็นโรคสัตว์สู่คนที่สำคัญ ควรได้รับการป้องกันโดยเริ่มฉีดเข็มแรกตั้งแต่อายุ 3 เดือน และหลังจากนั้นฉีดเป็นประจำทุกปี ส่วนวัคซีนลิคคีเมีย และวัคซีนเอดส์แมว แนะนำให้พาน้องแมวมารับวัคซีน 2 ชนิดนี้ด้วย แม้จะไม่ใช่ core vaccine ก็ตาม และควรป้องกันโรคพยาธิหนอนหัวใจทุกๆเดือน และควรกำจัดหมัดและไรในหูเป็นประจำเช่นกัน

              เมื่อแมวมีทำวัคซีนครบแล้วอายุประมาณ 8-12 เดือน แนะนำให้ทำหมัน ทั้งแมวตัวผู้และตัวเมีย เพื่อลดพฤติกรรมก้าวร้าวในการหวงอาณาเขต หรือการต่อสู้ในช่วงผสมพันธุ์ ซึ่งการทำหมันแมวตัวเมียยังช่วงลดโอกาศการเกิดมะเร็วเต้านมได้อีกด้วย และลดปัญหาโรคที่เกิดกับระบบสืบพันธุ์ เช่น มดลูกอักเสบ เป็นต้น 

              แมวที่มีอายุตั้งแต่ 1-6 ปีเป็นช่วงแมวที่โตเต็มวัย การเปลี่ยนอาหารจากแมวเล็กเป็นแมวโตเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้แมวได้รับสารอาหารที่ไม่มากเกินไป เช่น โปรตีน และไขมัน เนื่องจากว่าช่วงแมวเด็กสารอาหารเหล่านี้เป็นแหล่งเสริมสร้างโครงสร้าง และเป็นแหล่งพลังงานที่ดี แต่เมื่อแมวอายุ 1 ปีขึ้นไป ไม่มีความจำเป็นต้องได้รับสารอาหารเหล่านี้ที่มากเท่ากับตอนพัฒนาโครงสร้าง จึงจำเป็นต้องได้รับสารอาหารให้เหมาะสมกับช่วงอายุ 1-6 ปี และที่สำคัญต้องมีส่วนผสมของทอร์ลีนเป็นองค์ประกอบเพราะถือเป็นกรดอะมิโนที่สำคัญของแมว

การเลี้ยงแมวนั้น ทางที่ดีควรฝึกให้อยู่ในบ้านตั้งแต่เด็ก เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคติดต่อร้ายแรงต่างๆ ได้ เพราะนอกบ้านนั้นมีโรคมากมายที่แมวจะไปติดมาได้ ไม่ว่าจะเป็น ไวรัสเอดส์แมว ไวรัสลิวคีเมียที่เกิดจากการกัดกัน หรือโรคไข้หวัดแมว ที่จะมีอาการจาม น้ำมูกไหล แมวจะชินและอยากอยู่บ้านมากกว่าแมวที่โตแล้วที่ยากที่จะฝึกให้อยู่บ้านได้ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจหาของเล่น หรือสิ่งดึงดูดใจที่เจ้าแมวชอบไว้คอยหลอกล่อให้อยู่บ้านจะดีที่สุด

              ปัญหาที่พบได้บ่อยในแมวโตได้แก่โรคภาวะทางเดินปัสสาวะอักเสบ เนื่องจากแมวเป็นสัตว์ที่กินน้ำน้อย และหากกะบะทรายไม่สะอาด หรือเกิดภาวะเครียดจะทำให้แมวไม่ปัสสาวะออกมา เมื่อมีปัสสาวะที่ค้างในกระเพาะปัสสาวะจะเป็นสาเหตุให้ผนังกระเพาะปัสสาวะเกิดการอักเสบ และลอกหลุดออกมาได้ หากเกิดความรุนแรงมากขึ้นคุณพ่อคุณแม่จะพบว่าแมวปัสสาวะนาน ปัสสาวะนอกกะบะทราบ หรือบางทีมีเลือดปนออกมากับปัสสาวะได้

              สำหรับแมวที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป แนะนำให้พามาพบสัตวแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน เพื่อทำการตรวจสุขภาพ ทำได้ตั้งแต่การตรวจภายนอก เจาะเลือด x-ray และ อัลตราซาวน์ โรคที่พบได้บ่อยในแมวสูงอายุได้แก่ โรคไต โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคหัวใจ โรคฮอร์โมน เช่นโรคเบาหวานเป็นต้น ซึ่งการหมั่นค่อยสังเกตุอาการบ่อยๆเป็นสิ่งสำคัญ หากมีความผิดปกติ เช่น เบื่ออาหาร ซึม น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว หรือมีอาเจียร ถ่ายเหลว ควรรีบพามาพบสัตวแพทย์โดยเร็วเพื่อทำการวินิฉัย และทำการรักษาอย่างทันเวลา

              การดูแลแมวนั้นไม่ใช่เรื่องยากจะดูแลสุขภาพน้องแมวที่เรารักให้มีสุขภาพดี ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ และสำคัญสำหรับเขามาก เพราะเขาไม่สามารถบอกเราได้ว่าเขาเจ็บป่วยตรงไหน เมื่อเรารับเขามาเลี้ยงแล้ว ก็ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้